เก็บภาษีคนโสด

โสด โสด โสด อยู่ตรงนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลย ข่าวที่มาแรงมากๆ  คือข่าวนักวิชาการหนุนให้มีการ “เก็บภาษีคนโสด”  เล่นเอาคนโสดทั้งหลายถึงกับนั่งไม่ติดกันเลยทีเดียว  สืบเนื่องมาจากนักวิชาการจากคณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้จัดอภิปรายหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและนโยบายการรับรองในสองทศวรรษหน้า ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงการเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน  โครงสร้างประชากรไม่สมดุล  และต้องเสียงบประมาณดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก  หลังประชากรในวัยรุ่นวัยทำงานที่มีแนวโน้มเพิ่มต่ำลงสวนทางกลับกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มต่อเนื่อง  โดยอัตราการเจริญพันธุ์ของไทยขณะนี้ต่ำมากเพียง 1.6  ต่อครอบครัว  หรือ  1  คู่สมรส มีลูกเพียง  1  คนกว่าเท่านั้น  ทั้งที่จริงต้องมีลูกขึ้นต่ำ 2-3 คน จึงจะเพียงพอต่อการทดแทนประชากรเดิมที่ตายไป  จึงได้มีการเสนอแนวทางแก้ไขว่าภาครัฐควรออกนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีลูกเพิ่มขึ้น เช่น โครงการลูกคนแรก รวมถึงให้เงินอุดหนุนหรือลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีลูก 2 และ 3 คน  นอกจากนี้ควรเรียกเก็บภาษีคนโสด  ภาษีคนไม่มีลูก  กระตุ้นให้มีครอบครัวเพื่อลดภาระงบประมาณ  การใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคต พูดง่ายๆ ก็คือ วางแผนจะให้ลูกหลานดูแลแทนที่จะเป็นภาระภาครัฐ

   อาจจะด้วยเหตุผลที่สภาพแวดล้อม หน้าที่การงาน การแข่งขัน ความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชาย  การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และคนในปัจจุบันก็ติดเทคโนโลยีซะด้วย  และแก่ช้า หรือไม่ยอมแก่  อีกทั้งสัดส่วนการเกิดระหว่างหญิงชาย ที่หญิงมากกว่าชาย  ทำให้มีคนโสดเยอะขึ้น

pasi-2556

ความจริงกรณีเก็บภาษีคนโสดปรากฏ  ในสมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงครามมีการออกกฎหมายเก็บภาษีจากชายโสด  เนื้อหาโดยรวมบังคับให้ชายไทยที่ไม่มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 45 ปีบริบูรณ์ที่มีรายได้ตั้งแต่ปีละ 960  บาท  ให้เสียภาษีเพราะยังเป็นชายโสดปีละ 5 บาท หรือร้อยละ 10 ของภาษีที่ต้องเสียแล้วแต่อัตราใดจะมากกว่ากันจะมากกว่ากัน  ข้อยกเว้นคือ ถ้าชายโสดแสดงหลักฐานได้ว่า ตลอดปีภาษีที่ล่วงมา ไปบวชเป็นพระภิกษุ หรือมีบุตรที่ยังมีชีวิต  หรือติดคุกอยู่ในเรือนจำ  หรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือทำการสมรสไม่ได้โดยมีอวัยวะสืบพันธุ์ไม่สมบูรณ์  หรือเป็นคนวิกลจริต หรือรับราชการทหารกองประจำการ  หรือตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการ  กฎหมายฉบับนี้บังคับในสมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม  ซึ่ง พระราชบัญญัติฉบับนี้ตราไว้เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2487  และถูกยกเลิกในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2487

pasi-2487

ล่าสุดโฆษกกรมสรรพากร  ได้ออกมาชี้แจงกรณีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในแต่ละครั้งนั้น กรมสรรพากรจะเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกของผู้เสียภาษีและความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย  รวมถึงใช้เครื่องมือในการกระจายรายได้  หากผู้มีเงินได้สูงต้องเสียภาษีสูงในอัตราก้าวหน้า  แต่ไม่เคยมีการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเพิ่มประชากรหรือลดภาระทางสังคมเพราะคงไม่ใข่หน้าที่หลักของระบบภาษีเป็นเครื่องของรัฐทางด้านเศรษฐกิจในการหารายได้ให้รัฐและส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า  ทั้งนี้ยังกล่าวถึงข้อเสนอของนักวิชาการสรุปได้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวขึ้นอยู่กับการเลือกของรัฐบาลว่าจะพิจาณานำมาศึกษาให้ชัดเจน ซึ่งยังเป็นแค่ข้อเสนอแนะ ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล  การพิจาณาแต่ละครั้งนั้น ต้องดูการจำแนกจากจำนวนผู้เสียภาษี 10 ล้านคน  ว่าเป็นคนโสดหรือสมรสหรือไม่  และมองว่าการตัดสินใจมีบุตรหรือเลี้ยงดูบุตรได้หรือไม่  ปัจจัยด้านภาษีคงไม่ใช้ปัจจัยหลัก  แต่อยู่ที่ความสามารถในการเลี้ยงดูมากกว่า  ขณะที่คนโสดหากมีเงินได้ มีการวางแผนการเงินที่ดี  มีการออมเงินสะสมไว้เพียงพอกับการใข้จ่ายในยามชราก็ไม่เป็นภาระแก่สังคม

การออกมาชี้แจงของโฆษกกรมสรรพากร ครั้งนี้ก็ตอบคำถามคนโสดได้แล้วว่า  โครงสร้างระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ยังไม่มีการปรับปรุงแต่อย่างใด  ได้ยินคนแถวๆ นี้ถอนหายใจโล่งอก  หลังจาก ค่าไฟฟ้า ค่าทางด่วน  ค่าก๊าซหุงต้ม  ไข่ไก่ อาหารจานเดียว เริ่มปรับราคาตามซ้ำเติมมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้ว ขอร้องเถอะค่ะอย่าให้ต้องร้องเพลง ขอบคุณที่ซ้ำเติม  จุดเดิมที่เคยเจ็บ….

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก บจก.สำนักกฏหมายแสงนิติ

Leave A Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.