มาตรการ QE:นายเบน เบอร์นันเก้ แถลงการณ์ล่าสุดกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

มาตรการ QE  : ภายหลังจากนายเบน  เบอร์นันเก้ ออกแถลงการณ์ (20/6/56)

ภายหลังจากผลการประชุม”เฟด” ล่าสุด  นายเบน เบอร์นันเก้  ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)  ได้ออกแถลงการณ์ ส่งสัญญานว่าเฟดอาจเริ่มลดขนาดการเข้าซื้อพันธบัตรในปลายปีนี้   สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

  1. เฟด จะเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตรหรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)  ในปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ เฟดจะยังคงลดขนาดวงเงินซื้อพันธบัตรไปจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า และคาดว่าจะสิ้นสุดโครงการซื้อพันธบัตรประมาณกลางปีหน้า
  2. เฟดยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่  85,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ  จนกว่าแนวโน้มในตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้น  ปัจจัยดังกล่าวพบว่าส่งผลให้ตลาดหุ้นราคาพันธบัตรร่วงอย่างหนักและหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน
  3. เศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราปานกลาง  น่าจะส่งผลให้ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น  ในขณะที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจลดน้อยลง  และยังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายเฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นเข้าใกล้าระดับเป้าหมายระยะยาวที่เฟดตั้งไว้ที่ 2%
  4. เฟดจะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือมาตรการคิวอี (QE) แสดงให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นในความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐ
  5. เฟดคาดว่า  จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมในการปรับลดอัตราการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนในช่วงต่อไปในปีนี้  และถ้าหากตัวเลขทางเศรษฐกิจสอดคล้องกับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเฟดในปัจจุบัน  พร้อมกล่าวว่ายังคงปรับลดอัตราการเข้าซื้อลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า และจะยุติโครงการในช่วงกลางปีหน้า หากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น
  6. อัตราการว่างงานน่าจะลดลงจากระดับ 7.6% สู่ระดับใกล้ 7%  เมื่อถึงเวลายุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตร  แต่เฟดก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่าในอนาคตถ้าผลการคาดการณ์เป็นทางบวกมากเกินไป ก็อาจมีการปรับลดหรือเพิ่มอัตราการเข้าซื้อพันธบัตรได้อีกครั้ง

Bernanke

ผลกระทบภายหลังการแถลงการณ์ ของนายเบน  เบอร์นันเก้  และผลกระทบต่อตลาดการเงิน-การลงทุน

–   ตลาดการเงินทั่วโลก ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด  รับข่าวคำแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้  โดยเฉพาะภาคการผลิตของจีนชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ในเดือนมิถุนายน ยอดสั่งซื้อใหม่หยุดชะงัก ชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจจีนชะลอตัวในไตรมาส 2

–   ราคาพันธบัตรปรับตัวลง

–   จะเกิดปรากฏการณ์ภาวะเงินทุนไหลออกไปยังตลาดสหรัฐ ส่งผลให้มีการปรับตัวในราคาสินทรัพย์ทั้งตลาดเงิน ตลาดหุ้น  และพันธบัตร

–   ราคาทองคำ / น้ำมัน ปรับตัวลดลง

–   มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ยังคงเน้นนโยบายเดิม  คือปล่อยให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ปัจจุบันค่าความผันผวนของไทยอยู่ที่ 6.4%  เป็นระดับเดียวกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค

push

ความเสี่ยงและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

–       ภาคธุรกิจที่มีธุรกรรมการค้ากับต่างประเทศมากๆ   ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนจากนี้ไป  เชื่อว่าจะมีความผันผวนที่มากขึ้น

–       เงินทุนไหลออก  ถ้าไหลออกมากๆ  มีผลก็เพราะว่าเมื่อเฟดลดสภาพคล่องของสหรัฐ ก็เท่ากับลดสภาพคล่องของโลกไปด้วยเช่นกัน  โดยเฉพาะจีนได้รับผลกระทบมาก

–       จากเดิมต่างขาติเอาเงินมาลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรแบงค์ชาติ เป็นจำนวนมากก็เพราะหวังดอกเบี้ยสูงขึ้นดังนั้นจึงมีความเสี่ยงเงินไหลออก ส่งผลให้เศรษฐกิจตึงตัว และทำให้ดอกเบี้ยระยะยาวปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลด้านลบกับเศรษฐกิจไทย

–       ดอกเบี้ยระยะยาวของไทยมีสิทธิเป็นขาขึ้น  ค่าเงินบาทมีสิทธิอ่อนลง  คาดว่าอาจอ่อนลงไปถึง  32  บาทต่อดอลล่าร์ได้

 

 

 

Leave A Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.