อาหารคือตัวเรา (Food is ourselves)

อาหารคือตัวเรา ทำไมเป็นเช่นนั้น ก็เพราะการเจริญเติบโตและพละกำลังในการดำเนินชีวิตของเรานั้นล้วนแล้วได้มาจากการกินอาหาร  ซึ่งจะช่วยสร้างกระดูก  กล้ามเนื้อ ผิวหนัง เส้นเลือดและอวัยวะภายในต่างๆ  ของร่างกาย ส่งเสริมให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ให้พลังงาน ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย  รวมทั้งป้องกันโรคควบคุมและส่งเสริมให้อวัยวะต่างๆ  ของร่างกายให้ทำงานตามปกติ อาหารสำคัญสำหรับชีวิตเรา  วันนี้โรคภัยไข้เจ็บมากมายอาจจะเป็นผลที่เกิดจากการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเองก็เป็นได้  ถ้างั้นอย่ารอช้าปฏิวัติการกินของเรากันใหม่กินอาหารที่มีประโยชน์กันเถอะ

หลักการกินอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ

1.ควรกินอาหารเย็นก่อนเข้านอนอย่างน้อยสองชั่วโมง  เพื่อให้ร่างกายมีเวลาย่อยอาหาร  เนื่องจากในช่วงที่นอนหลับนั้น ร่างกายจะย่อยอาหารได้ช้า

2.ไม่ควรกินอาหารแต่ละมื้อมากเกินไป  เพราะจะทำให้ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักจนร่างกายอ่อนล้าได้

3.รับประทานอาหารเช้า  เพราะเป็นมื้อสำคัญที่สุดที่ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายหลังจากที่ก่อนหน้าเรานอนไปนานมากร่างกายจึงควรเติมพลังงาน  โดยมื้อเช้าควรเป็นอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต  เช่น  ข้าวหรือธัญพืชต่างๆ  รวมทั้งผลไม้เพราะย่อยได้ง่ายกว่าอาหารโปรตีนสูงจากเนื้อสัตว์

4.ไม่กินอาหารมากเกินความจำเป็นของร่างกาย  เพราะภาวะที่มีอาหารมากเกินไปจะนำไปสู่โรคอ้วน  เบาหวาน  หัวใจขาดเลือด  มะเร็ง เป็นต้น

5.หยุดกินอาหารหวาน  หมายถึงทุกอย่างที่หวาน  ขนม น้ำหวาน น้ำอัดลม เพราะความหวานมีผลต่อร่างกาย  คือ กดการทำงานของภูมิต้านทานทำให้เกิดภูมิแพ้  ทำให้กระดูกผุ

6.หยุดกินนมสัตว์  นมสัตว์เป็นสาเหตุของโรคร้ายมากกว่า 50 ชนิด  เช่น ภูมิแพ้  เบาหวาน  กระดูกผุ เด็กเล็กๆ ปวดท้องไม่ทราบสาเหตุ (Colic) หอบหืด ไซนัสอักเสบ เลือดกำเดา ท้องผูก ถ่ายอุจจาระเป็นเม็ดๆ ฉี่รดที่นอน ออทิสติก สมาธิสั้น ลมพิษ ผื่นคันที่ผิวหนัง ข้ออักเสบ รูมาตอยด์ เป็นต้น

7.หยุดเนยเทียม เนยเทียมทำให้หลอดเลือดอุดตันได้เร็วกว่าไขมันสัตว์ เนยเทียมเพิ่มระดับ LDL ลดระดับ HDL และทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น หลอดเลือดตีบ เบาหวาน มะเร็ง เกิดเนื้องอกในอวัยวะต่างๆ เป็นต้น

8.หยุดกินเนื้อสัตว์  ซึ่งมีเหตุผลที่ไม่ควรกินเนื้อสัตว์  คือ

– ได้รับสารพิษ  ในปัจจุบันมีการเติมสารเคมีหมักให้เนื้อนุ่ม อร่อยและเก็บได้นาน เมื่อเรากินเนื้อสัตว์เข้าไปสารพิษจะถูกสะสมไว้ในร่างกายเรา  ปกติร่างกายเราต้องใช้เวลา 3-5 วัน กว่าเนื้อสัตว์จะย่อยและถูกขับถ่ายออกมา นี่เป็นสาเหตุของโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง  โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน  โรคตับ  โรคลำไส้  โรคเกาต์ เป็นต้น

– กินมาก อ้วนมาก  เนื่องจากไขมันที่มีมากในเนื้อสัตว์  โดยความอ้วนเกิดจากโปรตีนมากมายที่ร่างกายไม่ได้ใช้เปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้  โทษของไขมันสัตว์ที่มีมากเกินไปทำให้เส้นเลือดอุดตัน  เส้นเลือดแข็งกระด้าง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ตามมาติดๆ

– ข้อเสื่อม เนื้อสัตว์มีฟอสฟอรัสมากจะไปกระตุ้นต่อมพาราธัยรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมา  แล้วจะละลายเป็นแคลเซียมออกจากกระดูกทั่วร่างกายมาอยู่ในกระแสเลือด  แล้วไปจับในที่ที่มีการเคลื่อนไหวให้สึกหรอ  ได้แก่  ตามข้อต่างๆ  เกิดเป็นโรคกระดูกเสื่อม

– ก้าวร้าว รุนแรง  เนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยเลือดที่มีพิษ และสารพิษอื่นๆ มากมาย โดยเฉพาะกรดในเนื้อมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง  กระตุ้นหัวใจและอารมณ์ให้มีความรุนแรงก้าวร้าวมากขึ้น

– โรคจากสัตว์  เราไม่มีทางรู้เลยว่า สัตว์บางตัวตายด้วยโรคอะไร  เรากินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อโรคก็ย่อมได้รับเชื้อโรคนั้นอย่างแน่นอน

-มีใจเมตตา  ถ้าลด ละ เลิก เนื้อสัตว์แล้ว  จะทำให้จิตมีเมตตา  จิตใจผ่องใสเนื่องจากเราไม่ได้เบียดเบียนผู้ใด  จิตใจจึงสงบและมีความสุข

– ผิวพรรณสดใจ  เมื่อลด  ละ เลิกเนื้อสัตว์  หันมากินอาหารจำพวกผัก ผลไม้เป็นหลักจะทำให้ร่างกายปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล  เพราะเกิดการขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกาย  ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  ทำให้มีสุขภาพดี

-สมองแจ่มใส  เมื่อร่างกายสดใส  ระบบอวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างปกติ แน่นอนว่าย่อมส่งผลถึงสมอง  นอกจากนี้หากกินผักผลไม้เป็นประจำจะช่วยเพิ่มความสดชื่น  ถ่ายถอนความเหนื่อยล้าจากสมอง  เมื่อประกอบกับการออกกำลังกาย  หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์  นอนหลับอย่างเพียงพอ  จะทำให้สุขภาพดีขึ้น  สมองมีประสิทธิภาพขึ้น

– ร่างกายต้านสารพิษ  การที่เราหันมากินผักผลไม้แทนเนื้อสัตว์  จะช่วยให้ร่างกายของเราสามารถต้านทานสารพิษต่างๆ  มากกว่าคนปติ  ที่สำคัญคือแก่ช้า  เนื่องในผักผลไม้มีพฤกษเคมีนานาชนิด  มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่งเสริมการทำงานของร่างกาย  และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างน่าอัศจรรย์

ท้ายนี้อยากบอกคุณที่รักว่าอาหารคือตัวเรา  เป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติรอบตัว และถือเป็นยาที่ธรรมชาติมอบให้  และโปรดจำไว้เสมอว่า กินอะไรก็ได้อย่างนั้น อย่าตามใจปากจนสายเกินแก้